ความสำคัญของ FTA

ความสำคัญของ FTA
FTA ย่อมาจาก Free Trade Area หรือเขตการค้าเสรีเป็นการทำความตกลงทางการค้าของประเทศ อาจเป็น 2 ประเทศ (ทวิภาคี)
หรือเป็นกลุ่มประเทศ (พหุภาคี) ที่จะร่วมมือขจัดอุปสรรคทางการค้าทั้งที่เป็นภาษีศุลกากร และไม่ใช่ภาษีศุลกากร

ความเป็นมาของเขตการค้าเสรี
แนวคิดของการมีนโยบายการค้าเสรี คือ ประเทศจะเลือกผลิตสินค้าที่ตนเองถนัด และมีต้นทุนการผลิตต่ำที่สุด คือจะผลิตสินค้า
ที่คิดว่าประเทศตนได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบ (Comparative Advantage) มากที่สุด แล้วนำสินค้าที่ผลิตได้นี้ไปแลกเปลี่ยน
กับสินค้าที่ประเทศตนไม่ถนัด หรือเสียเปรียบโดยแลกเปลี่ยนสินค้ากับประเทศอื่นที่ผลิตสินค้าแล้วได้เปรียบ
ดังนั้นประเทศทั้งสองก็จะทำการค้าต่อกันได้ โดยต่างฝ่ายต่างสมประโยชน์กัน (Win-Win Situation)

นโยบายการค้าเสรี มีดังนี้

  • การผลิตตามหลักการแบ่งงานกันทำ เลือกผลิตสินค้าที่มีต้นทุนการผลิตต่ำ และประเทศมีศักยภาพในการผลิตสินค้านั้นสูง
  • ไม่เก็บภาษีคุ้มกัน (Protective Duty) เพื่อคุ้มครองหรือปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศ
  • ไม่ให้สิทธิพิเศษหรือกีดกันสินค้าของประเทศใดประเทศหนึ่ง

เรียกเก็บภาษีในอัตราเดียว และให้ความเป็นธรรมแก่สินค้าของทุกประเทศเท่ากัน ไม่มีข้อจำกัดทางการค้า(Trade Restriction)
ที่เป็นอุปสรรคต่อการค้าระหว่างประเทศ ไม่มีการควบคุมการนำเข้าหรือการส่งออกที่เป็นอุปสรรคต่อการค้าระหว่างประเทศ
ยกเว้นการควบคุมสินค้าบางอย่างที่เกี่ยวกับสุขภาพอนามัย และเป็นอันตรายต่อมนุษย์ และสินค้าที่เกี่ยวด้วยศีลธรรมจรรยา
หรือความมั่นคงของประเทศ

ความหมายของเขตการค้าเสรี
เขตการค้าเสรี หมายถึง การวมกลุ่มเศรษฐกิจ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดภาษีศุลกากรระหว่างกันภายในกลุ่มที่ทำข้อตกลงให้เหลือน้อยที่สุด
หรือเป็น 0% และใช้อัตราภาษีปกติที่สูงกว่ากับประเทศนอกกลุ่มการทำเขตการค้าเสรีในอดีต มุ่งในด้านการเปิดเสรีด้านสินค้า
โดยการลดภาษีและอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษีเป็นหลักแต่เขตการค้าเสรีในระยะหลังๆ นั้นรวมไปถึงการเปิดเสรีด้านอื่นๆด้วย
เช่น ด้านการบริการการลงทุน เป็นต้น

เขตการค้าเสรีที่สำคัญของไทย
เขตการค้าเสรีที่มีมูลค่าสูงในทางการค้า ได้แก่ เขตการค้าเสรีอาเซียน(AFTA) เขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน-ไทย-ญี่ปุ่น-อาเซียน-เกาหลี เป็นต้น

ประโยชน์และผลกระทบของการทำ FTA
ในภาพรวมแล้วการทำ FTA มีทั้งผลดีและผลกระทบ แต่คู่เจรจาได้พยายามศึกษารวบรวมข้อมูล และเจรจาเพื่อให้ต่างฝ่ายต่าง
พอใจได้รับผลประโยชน์มากที่สุด หรือได้รับผลกระทบน้อยที่สุด

อย่างไรก็ตามสภาพแวดล้อมเฉพาะ และสภาพแวดล้อมทั่วไปของคู่เจรจาจะแตกต่างกันไปในแต่ละ FTA หากจะวิเคราะห์แต่ละด้านของแต่ละ FTA จะมีบางกลุ่มอุตสาหกรรม บางกลุ่มสินค้าได้ประโยชน์ บางกลุ่มสินค้าไม่ได้รับผลกระทบ สำหรับกลุ่มสินค้าที่ได้รับผลกระทบ การเจรจาก็สามารถยืดเวลาในการลดหรือยกเว้นภาษีออกไปจนกว่าภาคการผลิตจะ สามารถปรับตัวได้ หรือภาครัฐจะเข้ามาช่วยเหลือ เยียวยาชดเชยผลกระทบเหล่านั้น

ในภาพรวมการทำ FTAน่าจะมีประโยชน์ ดังนี้

  • ลดอุปสรรคทางการค้าทั้งที่เป็นอุปสรรคทางภาษี และที่มิใช่ภาษี
  • เพิ่มมูลค่าในทางการค้าระหว่างประเทศสมาชิก
  • เพิ่มโอกาสการส่งออกได้ตลาดใหม่ และขยายตลาดเดิม
  • เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
  • สร้างอำนาจต่อรองทางเศรษฐกิจการเมือง
  • ให้ความร่วมมือทางด้านศุลกากรการแลกเปลี่ยนความรู้ ข้อมูลการลักลอบ หลีกเลี่ยง และสินค้าอันตรายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์
  • พัฒนาศักยภาพทางเศรษฐกิจ และดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ
  • ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอื่นๆ และเทคโนโลยีการผลิต
  • สร้างความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น